เที่ยวปีนัง มรดกโลก world heritage

23-25 สิงหาคม 2562

ปีนังคือเมืองมรดกโลก เดินทางเที่ยวสะดวก แถมอาหาร local food อร่อยด้วย จริงไหม?

บินไปไม่รอช้า อยู่ใกล้ๆ ประเทศไทยนี่เอง บินไป 2 ชั่วโมงก็ถึง

อากาศปีนังเหมือนภาคใต้ของไทย คือร้อนและฝนตก จัดเสื้อผ้าง่าย ไม่ต้องเตรียมอะไรเยอะ คิดซะว่าจัดกระเป๋าไปเที่ยวหัวหิน

สำหรับทริปนี้ เราบินไปด้วยสายการบินไทยแอร์เอเชีย เวลาสวยๆ เดินทางช่วงสาย กลับตอนเย็น

  • ขาไป 10.50 – 13.35 น
  • ขากลับ 18.55 – 20.00 น.

และแน่นอนเดินทางด้วยแอร์เอเชีย ต้องใช้สิทธิพิเศษบัตรเครดิตแอร์เอเชีย เข้า checkin เลนพิเศษ upgrade ที่นั่งเป็น hot seat และโหลดสัมภาระฟรีอีกด้วย

Tip แสดงบัตรแอร์เอเชียเพื่อรับเครื่องดื่มร้อนหรือเย็น มูลค่า 60 บาทฟรี

เดินทางสู่ปีนัง

ลงสนามบินปีนังแล้ว เดินออกมาที่ป้ายรถบัส รอรถเมล์สาย 401 หรือ 401E

ค่ารถคนละ 2.70 ริงกิต จ่ายที่คนขับรถ ต้องเตรียมเงินให้พอดีนะ คนขับไม่มีเงินทอน

เราลงรถที่ Komtar ศูนย์กลางการคมนาคมของเมืองปีนัง

แวะเช็คอินโรงแรมก่อน เราเลือกพักที่โรงแรม Cititel Express Penang อยู่ติดกับตึก Komtar ราคาประหยัด มาตรฐานดี

รีวิวโรงแรม คลิก รีวิวโรงแรม Cititel Express Penang

ไปหาอาหาร localทานกันเลย

ที่แรก food court ที่ komtar บริเวณที่เราลงรถบัสจากสนามบิน ติดแอร์เย็นฉ่ำ

เราทาน char koay teow หน้าตาเหมือนเส้นจันทร์ผัดซีอิ๊ว ผสมผัดไทย แต่กลิ่นซีอิ้วไม่แรง รสชาติหวานๆ อร่อยเลย

อีกจาน คือ Fried rice ข้าวผัดทะเล นี่เอง เค้าผัดแห้งๆ ใส่หอมเจียวกรอบ กลิ่นหอม รสชาติกลมกล่อม อร่อยมาก

Tip Food court ที่ปีนัง ทุกโต๊ะต้องสั่งเครื่องดื่ม ถ้าไม่สั่งต้องจ่ายค่านั่ง มีมาเฟียด้วยแปลกดี

ท้องอิ่มแล้ว เริ่มเที่ยวกัน

Dark mansion – 3D glow in the dark museum

อยู่ในเมืองจอร์จทาวน์ ใกล้ๆ ตึก Komtar นักท่องเที่ยวสายอาร์ตจะต้องไม่พลาดพิพิธภัณฑ์สมัยใหม่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะไม่เหมือนใคร เพราะเค้าเป็นที่แรกและที่เดียวในมาเลเซียที่จัดต้นไม้ ภาพวาด 3 มิติด้วยสีเรืองแสง เวลาอยู่ในที่มืด สีเรืองแสง สวย เหมือนเราเข้าไปอยู่ในเรื่องอวตาร

ค่าเข้าคนละ 40 ริงกิต มีของที่ระลึกแถมให้ด้วย และมีเจ้าหน้าที่บริการช่วยถ่ายรูป ส่องไฟ และแนะนำการถ่ายภาพสวยๆ ด้วย

ตรงนี้คือ hilight ภาพน้ำตกลาวา เวลาเปิดไฟบรรยากาศเป็นน้ำตกธรรมดา ปิดไฟเป็นน้ำตกลาวา

ออกแบบและสร้างสรรค์โดย Edgar Mueller ชาวเยอรมัน

The Top Penang ตั้งอยู่บนตึก Komtar ใจกลางของปีนัง เป็นจุดชมวิวที่สูงที่สุดจึงเห็นทั้งบรรยากาศของเมืองจอร์จทาวน์ ทะเล รวมถึงประเทศมาเลเซียบนแผ่นดินใหญ่

ค่าเข้า 68 ริงกิต

เราไปที่ชั้น 65 ก่อน Observatory deck ที่นี้มีกิจกรรมเดินอยู่นอกอาคาร ท้าทายความกลัวความสูง

ชั้น 68 Rainbow skywalk พื้นกระจกยื่นออกมาจากตัวอาคาร ท้าทายอาการกลัวความสูง เดินแล้วขาสั่นๆ

ค่ำนี้เราเลือกทานอาหารแนว Street food ใกล้ๆโรงแรม บนถนน Lorong Baru อยู่ใกล้ๆตึก Komtar อาหารหลากหลาย น่าทานทั้งนั้น เมนูคล้ายบ้านเรา

อยากนั่งโต๊ะ ต้องสั่งเครื่องดื่ม

เมนูนี้ Yi Fu Mee เหมือนราดหน้า ของไทยอร่อยกว่า

เมนูนี้ Beef koay Teow T’ng ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ เค้าทานกับซอสพริก เนื้อนุ่ม น้ำซุปหอมเครื่องเทศ อร่อย จัดว่าดี

ไก่สะเต๊ะ เนื้อสะเต๊ะ ชอบ อร่อยดี เครื่องเคียงไม่ต้องเยอะ มีพอเป็นพิธี เป็นเมนูที่ต้องลอง

วันที่ 2 ของทริป เดินชมมรดกโลกจอร์สทาวน์

มื้ออาหารเช้า เราเลือกทานติ่มซำ ที่ร้าน Restoran ZimSum รายการอาหารอลังการมาก

วิธีการสั่ง คือเดินไปหาโต๊ะนั่งก่อน และสั่งเครื่องดื่ม มีชาร้อนหลายแบบให้เลือกสั่ง

ส่วนติ่มซำเดินไปหยิบได้เลยตามอัธยาศัย

ตอนเก็บเงินก็เรียกพนักงานมาที่โต๊ะ นับจานแล้วก็ชำระด้วยเงินสด

ติ่มซำอร่อยมาก ให้ 5 ดาว เมนูหลากหลาย อิ่มฟินส์ ร้านนี้ต้องมา แนะนำเลย

การท่องเที่ยวในเมืองจอร์สทาวน์ มีบริการรถประจำทาง Penang free CAT ท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยว ที่สำคัญ คือ ฟรี

เราตั้งต้นที่ป้ายรถบัสหมายเลข 9 คือ Komtar

ป้ายรถบัสที่ 12 ร้านลอดช่องในตำนาน Teochew chendul ลองชิมแล้ว ลอดช่องวัดเจษ อร่อยกว่า ใครแวะไปอยากให้ลองชิมเพื่อรู้รสชาติ

นั่งรถบัสต่อไป ลงป้ายหมายเลข 16

คฤหาสน์เปรานากัน (Pinang Peranakan Mansion)

อาคารแห่งนี้ในอดีตเคยเป็นที่พักและสำนักงานของท่านชุงเค็งกวี่ (Chung Keng Kwee) คนงานเหมืองและผู้นำองค์กรลับไห่ซานในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19

ภายในคฤหาสน์เปรานากันในปีนังเต็มไปด้วยโบราณวัตถุและของสะสมกว่า 1,000 ชิ้น อาคารมีเอกลักษณ์ หลายส่วนของอาคารมีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบจีน

ค่าเข้าคนละ 20 ริงกิต มีบริการทัวร์เยี่ยมชม ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีน

เดินต่ออีกไม่นาน เราพบกับป้อมปราการคอร์นเวลลิส Fort Cornwallis

ป้อมปราการคอร์นเวลลิสตั้งชื่อตามชาร์ล คอร์นเวลลิส ผู้สำเร็จราชการของอังกฤษประจำเมืองเบงกอลในช่วงปลายทศวรรษที่ 1700 ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองที่มีความน่าสนใจทางประวัติศาสตร์มากที่สุดในย่านจอร์จทาวน์ ภายในป้อมมีโครงสร้างดั้งเดิมบางส่วนที่มีอายุกว่าหนึ่งร้อยปี ได้แก่ โบสถ์ คุกขังนักโทษ คลังเก็บดินปืน ประภาคารซึ่งครั้งหนึ่งใช้ส่งสัญญาณแก่เรือที่เข้ามาเทียบท่า เสาธงเก่า และปืนใหญ่สำริด

ใกล้ๆ ป้อมปราการ มีหอนาฬิกาวิกตอเรียเมโมเรียล

หอคอยแห่งนี้สร้างขึ้นโดยปะปนกันระหว่างศิลปะมัวร์ของสเปนกับศิลปะโมกุล ซึ่งถือเป็นลักษณะปกติของศิลปะสมัยอาณานิคมอังกฤษ ด้านล่างอยู่ในผังแปดเหลี่ยมมีลวดลายประดับตามแบบอินเดีย ถัดขึ้นมาเป็นเป็นหอคอยสี่เหลี่ยมมีอาร์คแบบวงโค้งเกือกม้าตามแบบสเปน ถัดขึ้นไปด้านบนเป็นฉัตรีในผังแปดเหลี่ยมแบบอินเดีย

ถึงเวลาอาหารเที่ยง เราแวะทานที่ Kopitan classic white coffee ร้านกาแฟสไตล์มาเลเซีย และอาหารท้องถิ่น

ต้องชิมกาแฟ white coffee กาแฟนม และ coffee O กาแฟดำ รสชาติเข้มข้น หอมๆ เหมือนกาแฟโบราณบ้านเรา

เมนูอาหารจีน บะหมี่น้ำกับไก่ต้ม

นาซีเลอมัก เมนูคลาสสิคของมาเลเซีย

ข้าวหุงกับกะทิ และใบเตยทานพร้อมเครื่องเคียง 4 อย่าง ได้แก่ ไก่ทอด ปลากะตักทอดกรอบ แตงกวาหั่น  ไข่ต้มสุกและถั่วอบ คลุกเคล้าพร้อมน้ำจิ้ม อร่อย สุดยอด

อิ่มท้องแล้ว ท่องเที่ยวกันต่อ เรานั่งรถบัส CAT ไปลงป้ายหมายเลข 7 ไปที่

Cheingmai Fatt Tze– The Blue Mansion เป็นคฤหาสน์แบบจีนสีฟ้าสดใสช ให้บริการที่พักแบบบูติกที่ตกแต่งอย่างดีด้วยเครื่องเรือนโบราณ คฤหาสน์แห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก (UNESCO) แห่งเมือง Georgetown มีบริการทัวร์สำหรับนักท่องเที่ยว ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีน

ค่าเข้าชมคนละ17 ริงกิต

สถานีรถบัสหมายเลข 3 เที่ยวชม Street art และบ้านเมืองแห่งเมืองจอร์สทาวน์

เย็นนี้ เราทานอาหาร Street food ที่ถนน Kimberley Street Food Night Market อาหารหลากหลาย น่าทานทุกร้าน

เราเลือกทานข้าวไก่อบหม้อดิน อร่อยเว่อร์มาก รสชาติเหมือนบ้านเรา

Fried oysters หอยนางรมทอด เป็นการผสมผสานระหว่างหอยทอด กับออส่วน แป้งนิ่ม ทอดจนเกือบกรอบ พร้อมหอยนางรมตัวโต ทานกับซอสพริก อร่อยจริงๆ เมนูนี้ ชอบมากกว่าเมืองไทย

Dai Lok Mee เมนูขายดี กินกันแทบทุกโต๊ะ เลยสั่งบ้าง รสชาติหวานๆ แปลกๆ ซอสนึกว่าเป็นซีอิ้วดำ แต่ไม่เข้มข้นเท่า เมนูนี้ชิมเพื่อรู้ ใครอยากลองก็อร่อย แปลกดี

เช้าวันที่ 3 เราไปทานอาหารเช้าที่ร้านกาแฟและร้านกาแฟชื่อดัง Oldtown white coffee เราไปทานกันถึงปีนังฮิลล์ เพราะวันนี้เราอยู่ที่นี่ทั้งจนถึงบ่าย

เมนูขึ้นชื่อคือ Soft boil eggs ไข่ลวกใบโตในตำนาน

เมนูไม่พลาดอีก 1 เมนูที่ต้องทานซ้ำ คือ นาซีเลอมัก

และกาแฟ white coffee หอมๆ แต่หวานมากถึงมากที่สุด

การเดินทางไปปีนังฮิลล์ จาก Komtar นั่งรถบัสสาย 204 ราคาคนละ 2 ริงกิต นั่งจนสุดสาย

ซื้อตั๋วขึ้นกระเช้ากันก่อน

ค่าขึ้นกระเช้าไป-กลับ คนละ 30 ริงกิต ถ้าจังหวะคนเยอะๆ ต้องรอคิว ให้สังเกต Batch no ว่าถึงรอบของเราหรือยัง

ถึงยอดเขาแล้ว อากาศสดชื่น วิวสวย

เราเที่ยวที่ Habitat มีค่าเข้าเพิ่มเติม รอบตอนกลางวัน (Standard walk) คนละ 53 ริงกิต รอบตอนกลางคืน ( Sunset walk) 74.20 ริงกิต

สำรวจป่ากันหน่อย บรรยากาศดี สดชื่น สะอาด

มีร้านขายของที่ระลึกด้วย

ตอนลงจากเขา คนรอคิวมาก มีทางลัดนั่นคือซื้อ Fast pass เพิ่มคนละ 40 ริงกิต ชีวิตดีขึ้นเยอะ ไม่ต้องรอคิว ลัดไปเข้าห้องวีไอพี รอขึ้นรถขบวนถัดไป

ลงจากเขามาได้ หิวอีกแล้ว แวะทานไก่และรูทเบียร์ที่ A&W อร่อยมาตรฐานสากล

เที่ยวจนถึงเย็นก็ถึงเวลากลับ เดินทางกลับสนามบินด้วยรถบัสสายเดิม คือ 401 หรือ 401E จากสถานีรถบัส Komtar ราคาเท่าเดิม คนละ 2.7 ริงกิต

บินด้วยแอร์เอเชีย Checkin ง่ายๆ จัดการด้วยตัวเอง ปริ๊น Boarding pass และ Tag กระเป๋าที่ตู้ kios แต่อย่าลืมมา verify document ก่อนเข้า Gate ด้วย

Leave a Reply