ชีวิตสำราญบนเรือสำราญ Costa Fortuna

 วันที่ : 8-11 พฤศจิกายน 2561

ทริป :  เที่ยวเรือสำราญ Costa Fortuna เส้นทางอ่าวไทยแหลมฉบัง สีหนุวิลล์ เกาะสมุย

เรือสำราญ Costa Fortuna มาเยือนประเทศไทย หนึ่งปีมาแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แถมจอดที่ท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง ใกล้ ๆ กรุงเทพนี่เอง แถมอีก บริษัทไทยภูมิ ผู้จัดทัวร์ ยังให้บริการรถบัสรับส่งจาก กรุงเทพไปแหลมฉบังอีกด้วย ราคาก็ไม่แพงมากเริ่มต้นเพียง 13,000 บาท ขึ้นอยู่กับห้องพักที่เราเลือกว่าต้องการห้องพักแบบใด โฆษณาขนาดนี้ ไม่พลาดจองสิคะจริงๆ  ไปเติมเต็มประสบการณ์ท่องเที่ยวบนเรือสำราญกันค่ะ

เส้นทางท่องเที่ยวของเรา

สำหรับหลายๆ คนอาจจะคิดว่าการเดินทางด้วยเรือเป็นเวลาถึง 4 วัน จะมีกิจกรรมอะไรทำบ้าง คงจะกินๆ นอนๆ เบื่อๆ เหงาๆ แต่จริงๆแล้วไม่ใช่เลยบนเรือมีกิจกรรมสนุกๆ มากมาย รวมถึงการแวะเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวในแต่ละจุดจอดเรือ ยิ่งถ้าใครไปกับครอบครัวคุณจะมีเวลาอยู่กับครอบครัวได้นานขึ้นด้วย ได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ได้ทานอาหารร่วมกัน ใช้ชีวิตร่วมกันแบบเต็ม ๆ

วันที่ 1 : 8 พฤศจิกายน 61

เราเดินทางมาที่จุดนัดพบคือโรงแรมแม่น้ำรามาด้า ถนนเจริญกรุง ทางบริษัทนัดตั้งแต่เวลา 9 โมงถึง 11 โมง เราเช็กอินรายงานตัวกับบริษัทเรียบร้อย พร้อมรับบัตรคิวขึ้นรถบัส ออกเดินทางไปยังท่าเรือแหลมฉบัง

มีรถบัสรับส่งหลายสิบคันรอให้บริการ รถเต็มก่อนก็ออกก่อนค่อยๆ ทยอยเดินทาง บนรถบัสมีอาหารว่างให้บริการด้วย

เมื่อเดินทางถึงท่าเรือแหลมฉบัง เจ้าหน้าที่จะนำกระเป๋าเดินทางของเราไปดำเนินการขึ้นเรือให้ เราแค่นำพาสปอร์ต ตั๋วเรือ และเอกสารการเดินทางทั้งหมดไปเข้าคิวเพื่อผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองหลังจากนั้นเราก็ขึ้นเรือได้ตามความสะดวก

ขึ้นเรือมาแล้วสิ่งแรกที่ทำคือทานอาหารเที่ยงที่ห้องอาหารคริสโตโฟโต้ โคลอมโบ 1954 (Cristoforo Colombo 1954 อยู่ที่ชั้น 9 ของเรือ ห้องอาหารนี้เป็นห้องอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติไม่มีค่าบริการเพิ่มเติม กินได้เต็มที่ตามอัธยาศัย

ห้องอาหารตกแต่งสวยงามเข้ากับชื่อห้อง

ภาพอาหารเที่ยงที่เราทาน งงที่มีผัดผักหลายเมนู

กินอิ่มแล้วรอไปดูห้องพักกัน สำหรับหมายเลขห้องพัก ทางบริษัทได้จัดไว้ให้เรียบร้อยแล้ว และพิมพ์อยู่ที่ Tag กระเป๋าเดินทาง เราเลือกห้องพักแบบมีระเบียง ห้องก็จะใหญ่หน่อย ไม่อึดอัด

สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องน้ำ มีเพียงสบู่ แชมพู แบบ 2 in 1 ผ้าขนหนู ไดร์เป่าผม นอกนั้นไม่มีอะไรเลย ผู้โดยสารต้องจัดเตรียมไปเอง ไม่มีแม้กระทั่งน้ำดื่ม ทางบริษัทจึงได้จัดหาขวดน้ำไว้ให้ เอาไว้เติมน้ำดื่มได้ที่ห้องอาหาร

ผังห้องพัก

เอกสารสำคัญของการท่องเที่ยวด้วยเรือสำราญ คือ

1. จดหมายข่าวบนเรือหรือ Today’s ในเอกสาร Today จะจ่ายแจกให้ผู้โดยสารทุกวัน ในเอกสารนั้นจะมีกิจกรรมต่างๆของเรือของแต่ละวัน เช่น มีโชว์อะไรบ้าง ห้องไหน เวลาใด โปรโมชั่นสินค้าอะไรบ้าง พยากรณ์อากาศ การท่องเที่ยวในวันนั้น จุดนัดพบ และกิจกรรมต่าง ๆ โดยละเอียด

2.  บัตรคอสตาการ์ด สำหรับใช้จ่ายบนเรือ สามารถลงทะเบียนด้วยบัตรเครดิตหรือเงินสด แนะนำว่าควรลงทะเบียนด้วยบัตรเครดิตจะง่ายมากกว่าการลงทะเบียนด้วยเงินสด เพราะไม่ต้องเข้าคิวเติมเงินและเคลียร์เงินกับเจ้าหน้าที่แผนก reception การลงทะเบียนด้วยบัตรเครดิต สามารถทำได้ด้วยตัวเองที่ตู้อัตโนมัติ

3. บัตรรับประทานอาหารค่ำที่ห้องอาหารที่ถูกจัดสรรให้แล้ว โดยระบุห้องอาหารและที่นั่งไว้เรียบร้อย

4. แผนที่เรือแบบพกพา เอาไว้เผื่อหลงทาง

กิจกรรมแรกบนเรือที่ทุกคนจะต้องทำโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือ การซ้อมหนีภัยในกรณีฉุกเฉิน

ในห้องของทุกห้องจะมีเสื้อชูชีพอยู่ในตู้เสื้อผ้า โดยในเสื้อชูชีพจะระบุจุดรวมพลไว้  เราจะเริ่มซ้อมหนีภัยเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณเตือนฉุกเฉินดังขึ้นบนเรือ ซึ่งเป็นเสียงสัญญาณสั้นเจ็ดครั้งและยาวหนึ่งครั้ง

การซ้อมหนีภัยจำเป็นมากๆหากผู้โดยสารท่านใดไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรม ทางเรือจะไปเชิญให้มาซ้อมหนีภัยในวันถัดไป เรียกได้ว่าหนีอย่างไรก็ไม่รอด ต้องตามมาซ้อมอยู่ดี ดังนั้นควรซ้อมตั้งแต่วันแรกค่ะ จะได้ไม่เสียเวลากิจกรรมอื่นๆ

ความสวยงามยามเย็น สวยงามมาก

ถึงเวลาอาหารค่ำ เราถูกกำหนดให้รับประทานอาหารเย็นเวลา 19.45 น ณ ห้องมิเคลันเจโล 1965 (Michelangelo 1965) ปฎิบัติตามบัตรรับประทานอาหารได้กำหนดไว้

อาหารค่ำเป็นแบบ Full Cause ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของเรือ  มีพนักงานให้บริการตลอด ไม่ต้องเดินตักอาหารเหมือนบุฟเฟ่ต์ บรรยากาศหรูหรา ไฮโซ

หลังจากทานอาหารค่ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว กิจกรรมถัดไป ได้ถูกกำหนดในเอกสาร Today’s แล้ว คือ ดูการแสดงที่ Rek’s Theatre ชั้น 3, 4 และ 5 ของเรือ เราควรไปชมอย่างยิ่ง เพราะโชว์ดี มีคุณภาพ เครื่องเสียงดี นักร้องเสียงดี คือภาพรวมดีทั้งหมด ประทับใจสุด ๆ

ยามดึกหากท่านใดหิวห้องอาหารบุฟเฟ่ต์จะมีสลัดและก๋วยเตี๋ยวไว้ให้บริการด้วย อิ่มแล้วหลับสบาย

วันที่สอง 9 พฤศจิกายน 61

เราตื่นมาแต่เช้านั่งชมบรรยากาศท้องทะเลที่ระเบียง ตอนนี้เรือได้มาถึงที่ท่าเรือสีหนุ ประเทศกัมพูชาเรียบร้อยแล้ว สำหรับคนที่ต้องการเที่ยวที่เมืองสีหนุวิลล์ ทางเรือได้กำหนดจุดนัดพบและเวลาแล้ว แจ้งในเอกสาร Today’s

สำหรับทริปนี้เราไม่ได้ลงเที่ยวที่สีหนุวิลล์เนื่องจากเราต้องการใช้ชีวิตอยู่บนเรือให้เต็มที่ที่สุด

อาหารเช้าบนเรือแบบบุฟเฟ่ ที่ห้องอาหารคริสโตโฟโต้ โคลอมโบ 1954 (Cristoforo Colombo 1954) อาหารค่อนข้างธรรมดา ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่

ทานอาหารเช้าเสร็จเราไปเล่นฟิตเนสกันเถอะ

เล่นฟิตเนสเสร็จก็ถึงเวลาอาหารเที่ยงอีกแล้ว คราวนี้เราลองทานอาหารที่ห้องอาหารมิเคลันเจโล 1965 (Michelangelo 1965) เป็นแบบบุฟเฟ่ต์เ่ช่นเดียวกัน แต่อาหารหลากหลายน้อยกว่าห้องอาหารคริสโตโฟโต้ โคลอมโบ 1954 (Cristoforo Colombo 1954) มื้อเที่ยงที่เราทานเมื่อวานนี้

ช่วงบ่ายแวะทำกิจกรรมบนเรือ ก็คือการแช่น้ำในสระว่ายน้ำ และจากูซี่ รวมถึงการ Survey ห้องกิจกรรมต่างๆบนเรือ

ห้องกิจกรรมต่างๆ บนเรือ

แกรนด์บาร์ชั้น 3
แกรนด์บาร์ชั้น 3 
Rek’s Threter
บาร์ชั้น 5
ห้องสปา และฟิสเนส
ห้องโชว์ผลงานทีมฟุตบอล
ห้องเกมส์
คาสิโน
ห้องดีสโก้เธค
ห้องอินเตอร์เนต
โบสถ์
ห้องดาวินชี
ห้องคาราโอเกะ
ร้านขายของที่ระลึก

สำหรับค่ำคืนนี้ทางกัปตันจะมีเวลคัมค็อกเทลให้กับผู้โดยสารทุกท่านในเวลาหนึ่งทุ่มที่ Rek’s Theatre สำหรับงานนี้ ต้องสวมใส่ชุดแบบเป็นทางการด้วยเพื่อเป็นการให้เกียรติกับทางเรือ และถ่ายรูปกับกัปตัน

มื้ออาหารค่ำคืนที่ 2 ของเราที่ห้องอาหารมิเคลันเจโล 1965 (Michelangelo 1965)

ทานเสร็จแล้ว ยังมีกิจกรรมต่อเนื่องอีกคือ live’s concept ที่ Rek’s Theatre และ Gold Party แด๊นซ์กันมันส์กระจาย

วันที่สาม 10 พฤศจิกายน 61

เรือได้เดินทางถึงเกาะสมุยเรียบร้อยแล้ว ในวันนี้อากาศไม่ดี มีฝนตกหนัก ตอนแรกตั้งใจลงเรือไปเที่ยวเกาะสมุย แต่ฝนตกหนักมากเห็นว่าคงไม่สนุกแน่ จึงตัดสินใจอยู่บนเรือดีกว่า

อาหารเช้าที่ห้องอาหาร คริสโตโฟโต้ โคลอมโบ 1954 (Cristoforo Colombo 1954) ตอนนี้รู้สึกเริ่มเบื่ออาหารแล้ว เพราะอาหารเหมือนเดิม

ช่วงสาย ๆ  มีเวลาว่างมากมาย เราจึงไปเดินเล่นในจุดที่เราไม่ได้สำรวจเมื่อวานนี้ เราไปพบระเบียงเรือที่กว้างขวาง ซึ่งจริงๆ แล้วคือที่สูบบุหรี่ และเราได้มีโอกาสเห็นเรือเทนเดอร์ ที่เคลื่อนย้ายผู้โดยสารจากเรือไปยังเกาะสมุย

ฝนตกหนักจริงๆแต่เรือก็ไม่โครงเครง วันนี้เป็นวันที่นั่งมองฝนตก แต่นั่งมองในห้องอาหารที่กินไปด้วยมองฝนไปด้วย อิ่มอีกแล้ว

กิจกรรมตอนบ่ายของวันนี้มีอีกมากมายเราร่วมสนุกกันแทบทุกกิจกรรม

ได้คืนนี้ทางเจ้าหน้าที่ของเรือจะมาสอนวิธีการเช็คเอาท์ออกจากเรือสร้างความเป็นระเบียบในการออกจากเรือซึ่งเป็นการให้ความรู้ที่ดีมากๆ

เวลาผ่านไปเร็วมากนี่ก็หมดไปอีกวันก็ถึงเวลาอาหารเย็นอีกแล้ว ที่ห้องอาหารเดิม มิเคลันเจโล 1965 (Michelangelo 1965)

วันที่สี่ 11 พฤศจิกายน 61

เรือได้เดินทางมาถึงท่าเรือแหลมฉบังเรียบร้อยแล้ว เรารอเวลาเช็คเอาท์ออกจากเรือ ผู้โดยสารเริ่มทยอยออกจากเรือตั้งแต่ 9 โมง ส่วนของเรา เราได้เวลา 10.45 น มีเวลาทานอาหารเช้า และใช้ชีวิตบนเรือได้อีกสักพักใหญ่

ถึงเวลา 10.45 น. เราเดินทางออกจากเรือ หลังจากนั้นรถบัสจากบริษัทไทยภูมิ รอรับเรากลับ กทม

Leave a Reply